- บำรุงสุขภาพ
- บำรุงสายตา
- ดีทอกซ์
- บำรุงกระดูกและข้อ
- สุขภาพช่องปาก
- กาแฟเพื่อสุขภาพ
- เครื่องดื่มรังนก
- น้ำสมุนไพร
- เครื่องดื่มวิตามิน
- ข้าว
- เครื่องวัดความดัน
- อุปกรณ์ดูแลผู้สูงอายุ
- เครื่องนวดไฟฟ้า
- กระชายขาว
- ฟ้าทะลายโจร
- Activis
- Real Elixir
- S.O.M.
- ครีมบำรุงผิวหน้า
- เซรั่มบำรุงผิว
- ครีมกันแดด
- เซรั่มบำรุงผม
- แชมพู
- BSC
- Deraey
- MAGIQUE
- Revive
- เสื้อ และกางเกง
- ชุดกระชับสัดส่วน
- ชุดชั้นใน และกางเกงชั้นใน
- ชุดกีฬา
- เสื้อ และกางเกง
- ชุดชั้นใน และกางเกงชั้นในชาย
- กล่องเก็บเครื่องประดับ
- นาฬิกา
- แว่นกันแดด
- กระเป๋า
- เครื่องฟอกอากาศ
- เครื่องปรับอากาศ
- พัดลม
- เตารีด
- เครื่องซักผ้า
- กาต้มน้ำไฟฟ้า
- โคมไฟ และอุปกรณ์ให้แสงสว่าง
- เครื่องกรองน้ำ
- โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต
- นาฬิกาสมาร์ทวอทช์
- อุปกรณ์เสริม
- ไดร์ และเครื่องหนีบผม
- เครื่องโกนหนวด
- แปรงสีฟันไฟฟ้า
- Aston
- Philips
- หม้อ
- หม้อทอดไร้น้ำมัน
- หม้อหุงข้าว
- กระทะ
- เตาไฟฟ้า
- เครื่องปั่น/เครื่องคั้นน้ำ
- ชุดจานชาม
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
- เครื่องดูดฝุ่น
- ไม้ถูพื้น
- เครื่องนอน/หมอน
- เตียง และท็อปเปอร์
- โซฟา
- เก้าอี้ และเบาะรองนั่ง
- โต๊ะ
- อุปกรณ์อื่นๆ
- BCC
- Philips
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- อาหารสุนัข
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- อาหารแมว

สัญญาณเตือน มะเร็งลำไส้ รู้ไว้ก่อนจะสายเกินแก้
จากข่าวใหญ่ในวงการภาพยนตร์ที่สูญเสีย “แชดวิก โบสแมน” นักแสดงนำจากภาพยนตร์ชื่อดัง Black Panther ที่จากไปด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในวัยเพียง 43 ปี ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความตกใจและเสียใจให้กับแฟนภาพยนตร์และผู้คนทั่วไปเป็นจำนวนมาก จากการสูญเสียครั้งนี้ จึงทำให้หลายๆ คน เริ่มหันมาตระหนักถึง “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” กันมากขึ้น
เพราะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถเกิดขึ้นและสามารถพรากชีวิตคนไปได้อย่างที่ไม่คาดคิด อย่างที่เกิดกับนักแสดงชายท่านนี้ ซึ่งยังอยู่ในวัยกลางคน มีร่างกายที่สมบูรณ์ แต่กลับถูกโรคมะเร็งพรากชีวิตไปได้ บทความนี้ จึงขอแบ่งปันเรื่องราวของ “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทัน ก่อนที่จะสายเกินไป
มะเร็งลำไส้ใหญ่ คืออะไร?
มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer) คือ โรคมะเร็งที่เกิดกับส่วนใดส่วนหนึ่งในลำไส้ใหญ่ โดยจะเริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อขนาดเล็กขึ้นภายในลำไส้ใหญ่ และเริ่มพัฒนาจนขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ทำการรักษาหรือตัดออกจะเริ่มลุกลามและกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ในที่สุด
ส่วนอาการของผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น ในระยะแรก มักจะไม่แสดงอาการเจ็บป่วยใดๆ เลย ผู้ป่วยหลายรายจึงยังไม่รู้ตัวและใช้ชีวิตตามปกติ แต่จะเริ่มแสดงอาการในช่วงที่มะเร็งเริ่มลุกลามแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ผู้ป่วยจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี และดูแลระบบย่อยอาหารอย่างใส่ใจ
สัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่บ่งบอกว่าคุณเสี่ยงเป็น “มะเร็งลำไส้ใหญ่”
1. รู้สึกปวดท้องแบบเป็นพักๆ หรือ รู้สึกปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ
กล่าวคือ จะมีช่วงเวลาที่รู้สึกปวดท้อง สลับกับช่วงหายปวด เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ อาการนี้เกิดจากการที่ลำไส้มีการบีบตัวเป็นจังหวะ เนื่องจากในลำไส้มีเนื้องอกอยู่ ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนตัวผ่านบริเวณนั้นได้ยากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวดท้อง และหากไม่ได้เข้ารับการรักษา เนื้องอกก็จะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และอุจจาระก็จะเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ยากมากขึ้น แน่นอนว่า อาการปวดท้องที่ว่านี้ก็จะทวีความรุนแรงและปวดถี่มากขึ้นด้วย
2. ท้องผูกสลับท้องเสีย
ถ้ารู้สึกว่าระบบขับถ่ายเริ่มรวน หรือ การขับถ่ายที่มีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม อาทิ อาการท้องผูกติดต่อกันหลายวัน สลับกับอาการถ่ายเป็นอุจจาระเหลว ลักษณะเหมือนมีมูกปน หากมีอาการแบบนี้ แสดงว่าลำไส้ของคุณกำลังมีปัญหา และอาจติดเชื้อมะเร็งลำไส้ใหญ่กับทวารหนักเข้าแล้ว อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่า ในลำไส้ใหญ่มีเนื้องอกขวางอยู่ จึงทำให้รูในลำไส้แคบลง จึงเพิ่มโอกาสในการเกิดท้องผูก ส่วนมูกที่มาพร้อมกับอุจจาระก็มาจากการที่เซลล์มะเร็งสร้างมูกจำนวนมากเข้ามาในลำไส้นั่นเอง
3. เริ่มถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
อาการขับถ่ายอุจจาระเป็นเลือดเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่อาการที่จะบ่งบอกว่าคุณเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ การที่เริ่มถ่ายอุจจาระเป็นเลือดภายหลังจากที่มีอาการปวดท้องเป็นพักๆ แล้วต่อด้วยอาการท้องผูกแบบต่อเนื่อง หากพบว่าคุณมีลำดับอาการในลักษณะนี้ ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
4. อุจจาระมีขนาดเล็กลง
ในการขับถ่ายทุกครั้งอย่าลืม สังเกตลักษณะของอุจจาระ หากเกิดอาการตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้วสังเกตเพิ่มเติมได้อีกว่าอุจจาระมีขนาดเล็กลงจากปกติ ก็เริ่มน่าเป็นห่วงแล้ว เพราะการที่อุจจาระมีขนาดเล็กลงนั้น อาจมาจากการที่มีเนื้องอกอยู่ในลำไส้ และไปขัดขวางการเคลื่อนตัวของอุจจาระ ทำให้ขนาดของอุจจาระเล็กลงนั่นเอง
ดูแลลำไส้ให้สุขภาพดี ด้วยใยอาหารและการดีท็อกซ์
ในระบบย่อยอาหารของร่างกายคนเรานั้น ลำไส้เล็กจะทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมสารอาหาร ส่วนลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่กักเก็บเศษอาหารที่ถูกดูดซึมสารอาหารเรียบร้อยแล้ว รวมถึงทำหน้าที่ในการขับถ่ายกากอาหารออกจากร่างกาย
ซึ่งทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ จะมีเชื้อจุลินทรีย์ 400-500 ชนิด เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์อยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและควบคุมกันและกัน เพื่อคงความเป็นปกติของสภาพภายในลำไส้เอาไว้ หากตัวจุลินทรีย์มีความแข็งแรงมากพอ ลำไส้ก็จะทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่เมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอหรือจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดการเสียสมดุล อันเนื่องมาจากสารพิษสะสม หรือความผิดปกติใดๆ ก็อาจก่อให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งในลำไส้ได้
การดูแลลำไส้และระบบย่อยอาหาร สามารถทำได้ด้วย
- การเลือกทานอาหารและผลไม้ที่มีกากใยอาหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนักจนเกินไป และช่วยให้อุจจาระนิ่ม ไม่แข็งจนขับถ่ายยาก
- การดีท็อกซ์ เป็นกระบวนการชำระล้างลำไส้ ที่ช่วยในการขับถ่ายของเสียที่ตกค้างอยู่ภายในลำไส้ จะช่วยให้รู้สึกโล่ง ตัวเบา เหมือนกับว่าได้ขับถ่ายของเสียในร่างกายออกได้ดีกว่าเดิม
แม้ว่าการดีท็อกซ์แบบสวนทวารจะมีส่วนช่วยชำระล้างลำไส้ แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายคุณได้เช่นกัน เพราะการสวนทวารเองอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ และการสวนทวารบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่สามารถขับถ่ายเองได้ในที่สุด รวมถึงอาจจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากจนเกินไป และยังลดปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ออกไปด้วย นี่จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ การดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวารอาจจะไม่ได้ดีต่อร่างกายของคุณอย่างที่คิด
ล้างสารพิษในลำไส้ได้ง่ายกว่า ด้วย สูตรดีท็อกซ์จากธรรมชาติ
เพราะการดีท็อกซ์แบบสวนทวารทำได้ยาก และอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกาย จึงทำให้หลายๆ คนมองหาอาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายกันมากขึ้น เพราะอาหารเสริมช่วยดีท็อกซ์นอกจากจะมีส่วนช่วยดูแลระบบขับถ่ายแล้ว ยังมีส่วนช่วย
- ปรับสมดุลลำไส้
- กระตุ้นการเผาผลาญ
- ช่วยให้ลำไส้สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
- สบายท้องมากขึ้น
- ลดอาการท้องไส้ปั่นป่วนจากอาหารต่างๆ ลงได้
แต่ถึงแม้ว่า อาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายจะเป็นอันตรายน้อยกว่าการทำดีท็อกซ์แบบสวนทวาร แต่ในกรณีที่คุณเป็นคนที่มีปัญหาท้องผูกหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายแบบเรื้อรัง เราแนะนำให้คุณปรึกษาหรือขอนำแนะนำจากแพทย์ก่อนที่จะเริ่มดื่มเครื่องดื่มช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และหากคุณอยากมีสุขภาพแข็งแรง ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และไม่ละเลยที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง