search
search
rsmallx
สวัสดีวันเสาร์สมัครสมาชิก RS Mall X PLUS
cart
สุขภาพ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ภายในบ้าน
deliveryส่งฟรีทั่วไทย
สินค้าคุณภาพ 100%
search
เช็กลิสต์สาเหตุ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน หรือ รู้สึกเพลียหลังตื่นนอน
เกร็ดความรู้สุขภาพ

เช็กลิสต์สาเหตุ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน หรือ รู้สึกเพลียหลังตื่นนอน

01 ก.ย. 2563
76,077views

อาการไม่สดชื่นหรืออ่อนเพลียหลังตื่นนอน มักจะมีสาเหตุมาจากการนอนหลับไม่สนิทในเวลากลางคืน , อาการหลับๆ ตื่นๆ , ความเครียด อาการเหล่านี้เป็นต้นเหตุของ โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมของตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการกิน หรือ ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน อาทิ

  • สูบบุหรี่
  • ปาร์ตี้ / ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • การดื่มกาแฟ หรือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • ความเครียด ความวิตกกังวล
  • อาการเจ็บป่วย เช่น ปวดท้อง ปวดตามเนื้อตัว ฯลฯ
  • ท้องว่าง , อาการหิวกลางดึก
  • พฤติกรรมการทานอาหารมื้อดึกที่ทำให้อิ่มมากเกินไป ทำให้เกิดการแน่นท้องกลางดึก ส่งผลให้นอนไม่หลับได้
  • อาชีพ หรือ ลักษณะการทำงาน ที่ต้องมีการเปลี่ยนเวลาเข้างานอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้เวลาการเข้านอนเปลี่ยนตามไปด้วย
  • สิ่งแวดล้อมโดยรอบห้องนอนไม่เอื้อต่อการพักผ่อน เช่น มีเสียงดังรบกวนเกือบตลอดเวลา , ห้องนอนสว่างเกินไป หรือ มีแสงรบกวน ฯลฯ

สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการนอนของเราทั้งสิ้น หลายๆ คนอาจจะคิดว่า อาการนอนไม่พอ, หลับไม่สนิท เป็นปัญหาเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกง่วง, อ่อนเพลียหลังตื่นนอน หรือก่อให้เกิดความง่วงระหว่างวันเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป การนอนไม่พออาจจะทำให้คุณต้องเผชิญกับภาวะอ่อนเพลียเรื้อรังได้

ทำความเข้าใจ ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง

ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง (Hypoglycemia) หรือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Chronic Fatigue Syndrome (CFS)) เกิดจากความผิดปกติในร่างกาย ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย, ปวดเมื่อยเนื้อตัว รวมถึง มีอาการนอนไม่หลับในเวลากลางคืน ตื่นเช้าไม่สดชื่น , มีอาการง่วงหลังตื่นนอน จนเป็นเหตุให้มีอาการหาวหรือง่วงนอนระหว่างวันบ่อยๆ

โดยปกติแล้ว ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (CFS) มักจะเกิดกับผู้หญิงวัยทำงานอายุประมาณ 25-45 ปี มากกว่าผู้ชาย และแพทย์เองยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะภาวะนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำตาลเข้าร่างกายด้วย การปรับลดปริมาณการทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

ทั้งนี้เพราะการทานขนมหวาน หรือดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำหวาน น้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าอย่างที่คุณคิด ที่บอกแบบนี้เพราะว่า ทุกครั้งที่คุณทานของหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะพุ่งสูงมากขึ้น เป็นเหตุให้ร่างกายต้องผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ต่ำลง นั่นหมายความว่า ยิ่งคุณทานของหวาน หรือ น้ำหวานมากขึ้นเท่าไหร่ ตับอ่อนก็จะต้องทำงานหนักเพื่อผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการที่ตับอ่อนทำงานหนักจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณในที่สุด

วิธีสังเกตอาการ ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง (Hypoglycemia)

  • นอนมาแล้วหลายชั่วโมง แต่ยังมีอาการเพลีย, หมดแรง
  • ตื่นเช้ามามีอาการไม่สดชื่น รู้สึกอยากนอนซ้ำอีก
  • คิดอะไรไม่ค่อยออก สมองตื้น หรือ มีอาการสับสน
  • มีอาการปวดเมื่อยตัว, ปวดหลัง
  • ความสามารถในการทรงตัวลดลง
  • เท้าเย็น
  • เป็นตะคริวบ่อย

ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง (Hypoglycemia) ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด

นอกจากอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจะทำให้คุณมีอาการเฉื่อยชา ไม่สดชื่นแล้วนั้น โรคอ่อนเพลียเรื้อรังยังส่งผลต่อพฤติกรรมทางด้านอารมณ์อื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • หงุดหงิดง่าย
  • ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
  • ขี้โมโห
  • ไม่มีสมาธิ ฯลฯ

แต่คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะอาการอ่อนเพลียหลังตื่นนอน หรือภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ เช่น

  • เรียนรู้ที่จะเริ่มวางแผนการเรียน / การทำงาน
  • ลดความเครียด
  • เลิกนิสัยนอนดึก ไม่ควรนอนหลัง 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายมีการฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เลิกเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอน รวมถึงควรปิดไฟในห้องให้มืดสนิท ป้องกันไม่ให้สายตาถูกกระตุ้นจากแสง
  • เลี่ยงการทานมื้อดึก อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน หากรู้สึกหิวตอนกลางคืน ควรเลือกดื่มนมอุ่น น้ำเปล่า หรือ ผลไม้อย่าง ฝรั่ง มะละกอ ฯลฯ แทน
  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อยู่เสมอ
  • บอกลาอาหารขยะ (Junk food) น้ำอัดลม เบเกอรี่ ขนมหวาน ฯลฯ ที่มีส่วนทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนเป็นเหตุให้ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อควบคุมน้ำตาล ส่งผลให้เกิดความง่วงระหว่างวัน
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง แป้งไม่ขัดสี ฯลฯ
  • เลือกทานวิตามินที่ทำให้ร่างกายสดชื่น อาทิ วิตามิน ซี, วิตามิน บีรวม เป็นต้น
  • เลือกเครื่องนอน หรือ อุปกรณ์การนอน (หมอน, ที่นอน, เบาะรองที่นอน ฯลฯ)ให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายของตัวเอง เพื่อให้สามารถนอนหลับได้สนิทมากขึ้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ในกรณีที่คุณเป็นคนหลับยาก

ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน เพราะการออกกำลังกายก่อนนอนจะทำให้ร่างกายตื่นตัว อาจจะส่งผลให้คุณนอนหลับได้ยากกว่าเดิม และควรหลีกเลี่ยงการเลือกกินยานอนหลับ หรือยาคลายเครียดเป็นประจำ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และอาจจะทำให้คุณมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาในอนาคตได้

ทั้งนี้ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยการเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ รวมถึง เลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูและบำรุงร่างกายขณะนอนหลับ เพื่อให้คุณสามารถมีสุขภาพการนอนที่ดีมีคุณภาพ ไม่ต้องเผชิญกับอาการอ่อนเพลียหลังตื่นนอนอีกต่อไป

การเก็บและใช้คุกกี้

เราใช้คุ้กกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดี อ่านเพื่อทำความเข้าใจนโยบายที่นี่
ยอมรับ
support icon chatIcon New Web Final 2
Icon New Web Final 2